0indy

มิตรภาพ และอิสระภาพแห่งดนตรี รอคุณอยู่ที่นี่...
ระหว่างการพัฒนา พบปัญหาการใช้งาน โปรดแจ้งที่ webmaster.0indy.com
ทาโร่ : บทความ
เพื่อน
0
โปรไฟล์
0
เพลง
0
บล็อก
0
รูปภาพ
0
วิดีโอ
0
บทความ
0

รวมโครงสร้างคอร์ด jazz - pop - rock

เขียนเมื่อ 31 พ.ค.2551 10:40 น.

Credit:K.KijjaZ
ท่าน doubleb พูดถึงว่าสนใจโครงสร้างโน้ตในคอร์ดชนิดต่างๆ
พอดีเคยเอามารวบรวมกันแล้วแต่ว่า ยังไม่เคยเอามาโพสต์เป็นกระทู้ซักที
วันนี้ก็เลยอยากมารวบรวมเป็นวิธีการในการสร้างโครงสร้างคอร์ดครับ
ใครมีอะไรเสริมก็เพิ่มมาได้เลยนะคร้าบ

(แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมขั้นต้น
http://en.wikipedia.org/wiki/Chord_(music) )

ความรู้เบื้องต้นสำหรับเข้าใจโน้ตต่างๆที่ประกอบกันเป็นคอร์ด
1. major (หรือ minor ด้วยก็ได้) scale: ใช้ช่วยหาขั้นคู่เมื่อเทียบกับ major scale
2. interval สามารถรู้ได้เพิ่มหลังจากรู้จักกับ scale ข้างบนข้อ 1 นั่นแหละ

เวลาที่ผมชอบบอกโครงสร้างคอร์ด ก็จะชอบใช้เป็นตัวเลขครับ
เช่น 1 3b 5 7 9, 1 2 4 5 อะไรทำนองนี้
โดยตัวเลขนี้ เทียบกับขั้นคู่ปกติใน Major Scale

เช่น สมมติ Bb major scale มีโน้ต Bb C D Eb F G A Bb
1 2 4 5 ก็คือโน้ต Bb C Eb F
1 2b 4 5 ก็คือโน้ต Bb Cb Eb F เป็นต้น (เทียบตามตำแหน่ง และเพิ่ม b # ตามจุดที่กำหนด)
- - -

ต่อไป การยกตัวอย่าง จะเป็นคอร์ด C ทั้งหมดครับ

triad ไตรแอด: โน้ตที่เรียงกัน 3 ตัว โดยเป็นคู่ 3 ของกันและกัน
โครงสร้างพื้นฐานของ triad คือ 1 3 5

major triad: 1 3 5
สัญลักษณ์ C (หรือ Cma หรือ Cmaj เห็นตามหนังสือ jazz บ้าง)
minor triad: 1 3b 5
สัญลักษณ์ Cm (หรือ Cmi หรือ Cmin หรือ C - อันนี้เป็น C ขีด เห็นตามหนังสือ jazz บ้าง)
augmented triad: 1 3 5#
สัญลักษณ์ Caug หรือ C+ หรือ C(#5)
diminished triad: 1 3b 5b
สัญลักษณ์ Cdim หรือ Co (เติมด้วย กลมๆ) หรือ Cm(b5)

Seventh Chords หรือคอร์ดเซเว่นธ์

ถ้ามีแค่เลข 7 จะเป็นการเพิ่มคู่ 7 minor
ถ้าเติม maj7 จะเป็นการเพิ่มคู่ 7 major
(หมายเหตุ: บางที maj7 เขียน Δ7 หรือแค่ Δ)
ถ้าเป็นคอร์ด dim7 ตัวคู่ 7 minor จะถูก dim ลง กลายเป็นคู่ 7 dim

ดังนี้:
C7 = 1 3 5 7b อ่าน ซีเซเว่น, ซี โดมิแนนท์เซเวน
Cmaj7 = 1 3 5 7 อ่าน ซีเมเจอร์เซเวน
Cm7 = 1 3b 5 7b อ่าน ซีไมเนอร์เซเวน
Cm maj7 หรือ Cm(maj7) = 1 3b 5 7 อ่าน ซีไมเนอร์ เมเจอร์เซเวน
(หมายเหตุ: m ตัวแรก เป็นการบอกว่าเป็น C minor แต่ maj เป็นการบอกว่าเป็น maj7)
Cdim7 หรือ Co7 = 1 3b 5b 7bb (หรือบางคนคิดเป็น 1 3b 5b 6 ไปเลย)
Cm7(b5) หรือ Cø7 มีโครงสร้างเป็น 1 3b 5b 7b (ด้านล่างเหมือนคอร์ด dim)

(หมายเหตุ: สัญลักษณ์ กลมๆ o กับ ø เป็นสัญลักษณ์มาจาก ทฤษฎีดนตรีคลาสสิคอีกด้วย)
- - -

Extended Chords
Extend ในที่นี้ แปลว่า ขยาย ก็คือเราเพิ่มโน้ตเข้าไปเพื่อขยายคอร์ดขึ้นไป
จะมีคำที่อาจจะสับสนกันหลายครั้ง คือคำว่า tension chord และ chord extension
คำว่า tension chord แปลว่า "คอร์ดที่มีขั้นคู่ที่กัด อยู่ในโครงสร้างของคอร์ด"
และ chord extension แปลว่า "ส่วนที่ขยายคอร์ดในแบบดั้งเดิมออกไป"
เช่น C9 เป็น tension chord แต่ C9 มี 9 เป็น chord extension เพื่อเพิ่มโน้ตเข้าไปในคอร์ด C7
ประการฉะนี้แล

คอร์ดต่างๆ เราสามารถ add หรือ เพิ่ม โน้ตดีกรีต่างๆเข้าไปได้

add9 หรือ (9) ก็เพิ่มคู่ 9 major เข้าไป
เช่น C(9) = 1 3 5 9
add4 หรือ add11 ก็เพิ่มคู่ 4 perfect เข้าไป บางทีเขียน 4 ตามหลังไปเลย
เช่น Cadd4 = 1 3 4 5
add6 ก็เพิ่มคู่ 6 major เข้าไป บางทีก็เขียน 6 ลงไปตรงๆเลย ถ้าเป็น b6 ก็สามารถใช้ (b6) เพื่อแปลว่า add b6 ได้
เช่น C6 = 1 3 5 6, Cm(b6) = 1 3b 5 6b
add6(9) ก็คือเพิ่มคู่ 6 major และคู่ 9 major เข้าไป อาจจะเขียนเป็น 6(9) หรือบางคนเขียน 6/9 หรือ 6 ยกกำลัง 9
เช่น C6(9) = 1 3 5 6 9

9 คือคอร์ด 7 ที่ add9
เช่น C9 = C7 add 9 = 1 3 5 7b add9 = 1 3 5 7b 9
Cm9(b5) = Cm7(b5) add9 = 1 3b 5b 7b add9 = 1 3b 5b 7b 9b

11 คือคอร์ด 7 ที่ add9 และ add11 ปกติแล้ว 3 จะถูกตัดออกไป เพราะไปกัดกับ 11
เช่น C11 = C7 ตัด 3 ออก add9 add11 = 1 5 7b 9 11
แต่คอร์ด 11 ที่เป็น minor ไม่ต้องตัด 3 ออก
เช่น Cm11 = Cm7 add9 add11 = 1 3b 5 7b 9 11

13 คือคอร์ด 7 ที่ add9 และ add13 (ปกติไม่ add11)
เช่น C13 = C7 add9 add13 = 1 3 5 7b 9 13
Cm13 = Cm7 add9 add13 = 1 3b 5 7b 9 13

คำว่า maj9, maj13 คือคอร์ด maj7 ที่มีเพิ่มตามที่บอก เช่น maj9 คือ maj7 add 9, maj13 คือ maj7 add 9 add 13
- - -

นอกจากนั้น สิ่งที่ add สามารถกำหนด b # ให้กับมันได้

เราก็จะได้ chord extension ที่สามารถ add ได้ตามนี้:
b9, 9, #9
11, #11
b13, 13

ยกตัวอย่าง:
Cb9 <-- ระวังให้ดี ไม่ใช่ C add b9 แต่เป็น Cb7 add 9 ฮ่าๆๆๆ

C7(b9) = 1 3 5 7b 9b
C7(#9) = 1 3 5 7b 9# <-- เสียง #9 ในแบบที่ได้ยินจากคอร์ดที่ออกเสียง Blues
Cmaj9(#11) = Cmaj7 add9 add#11 = 1 3 5 7 9 11#
C11(b9) = C11 เปลี่ยน 9 เป็น b9 = 1 (เอา 3 ออก) 5 7b 9b 11
C13(b9) = C13 เปลี่ยน 9 เป็น b9 = 1 3 5 7b b9 13
C13(#11) = C13 เพิ่ม #11 = 1 3 5 7b 9 #11 13
C7(b9 #9) = C7 เพิ่มทั้ง b9 และ #9 = 1 3 5 7b 9b #9
C9(b13) = C9 เพิ่ม b13 = 1 3 5 7b 9 b13
- - -

การเปลี่ยน 5

ในกรณีที่มีการเขียนไว้ว่า ( อะไรซักอย่าง 5 )
แสดงว่าให้ เปลี่ยน 5 เป็นตามที่ระบุไว้
เช่น (b5) (#5) (no 5) <-- no 5 แปลว่า ไม่ต้องเล่นตัว 5

C7(#9)(#5) = 1 3 5# 7b #9 มีอีกชื่อว่า altered chord (ใช้โน้ตมาจากโหมดชื่อ altered หรือ super locrian)
Cmaj7(b5 #5) = 1 3 5b 5# 7 ทำแบบนี้ก็ได้ คือมีทั้งสองแบบพร้อมๆกัน
C(no 5) = 1 3

Cm9(b5) = 1 3b 5b 7b 9

คำว่า (#5) อาจจะถูกแทนได้ด้วย aug หรือ + ก็ได้ เช่น
C+9 คือ C9(#5) = 1 3 5# 7b 9

หมายเหตุเพิ่มเติม:
คอร์ดพวกที่มี 9 11 13 ทั้งหลายเหล่านี้
ถ้าเป็นคอร์ดที่เล่นตัว 5 ตรงๆ
จะสามารถตัดตัว 5 นั้นออกไปเลย คือไม่ต้องเล่น เป็นที่เข้าใจกัน
จะเล่นก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเล่น ก็ได้กลิ่นเสียงที่จำเป็นแล้ว
แต่ในกรณีที่มี 5 ที่กำหนดไว้ เช่น (b5), (#5) ให้เล่นตามที่กำหนด
- - -

Suspended Chord (sus)
เป็นคอร์ดที่เปลี่ยนตัว 3 ไปไว้ที่โน้ตข้างๆตามที่กำหนด

Csus2 = 1 2 5
Csus4 = 1 4 5
เช่น คอร์ดที่เจอกันบ่อยๆ C7 sus4 = 1 4 5 7b
ยกตัวอย่างเพิ่ม C7(b9)sus4 = 1 4 5 7b b9
(คือยกตัวอย่างว่า สามารถเอาไปผสมกับ chord extension อื่นๆได้อีก)

ในกรณีที่เขียนแค่ sus หมายถึง sus4
- - -

Polychord
คือการเล่นคอร์ดทับกัน คือเอาเสียงของคอร์ดหนึ่ง ไปเล่นอยู่เหนือคอร์ดอีกคอร์หนึ่ง

สัญลักษณ์คือ เขียนเหมือนเศษส่วน
คอร์ดบน
------
คอร์ดล่าง

เช่น

D
-
C

คือ คอร์ด C เมเจอร์ แล้วเล่น D เมเจอร์ เพิ่มขึ้นไปเหนือเสียงของ C เมเจอร์
ก็ได้โน้ต
C E G + D F# A
สอดคล้องกับคอร์ด C(13 #11 9)

Db
--
G7

ก็จะมีโน้ต G B (D) F + Db F Ab B

- - -

Power Chord หรือ พาวเวอร์คอร์ด
เป็นคอร์ดที่เล่นแค่โน้ต 1 กับ 5 เท่านั้น
อาจจะเขียนแค่เลข 5 ต่อท้าย
C5 = 1 5
- - -

การใช้คอร์ดที่มี on
การที่เขียนคอร์ดอย่างหนึ่ง แล้ว on โน้ตอีกโน้ตหนึ่ง (หรือบางทีใช้เครื่องหมาย / หรือเครื่องหมาย ทับ)
เช่น C on Bb หรือ C/Bb
จะแปลว่า เล่นคอร์ดตามที่กำหนด แต่เปลี่ยนโน้ตเบส ไปเป็นโน้ตที่กำหนดว่าให้ on อะไร
- - -

อันนี้รวบรวมคอร์ดสำหรับ pop, rock, jazz เท่าที่ใช้กันบ่อยๆมานะครับ
ยังมีคอร์ดอีกมากมายหลายรูปแบบ
โดยที่สามารถศึกษาเพิ่มได้จากทฤษฎีดนตรี คลาสสิค และทฤษฎีดนตรีตั้งแต่ยุค 20th century
คือช่วงระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา ก็มีคอร์ดชนิดต่างๆอีกหลายแบบเกิดขึ้น
แต่ถ้าในเชิง pop rock jazz ส่วนใหญ่ก็ยังไม่หลุดไปจากคำอธิบายคอร์ดในลักษณะนี้

1
Copyright (c) 2008-2009, 0indy.com. All right reserved.
Powered by MusicATM.com.